3 เทคนิคเลือกเรียนพิเศษยังไง ให้เก่งขึ้น ฉบับ นักเรียน-ผู้ปกครองมือใหม่

แนะแนว

·

โพสต์เมื่อ 26 มีนาคม 2565

3 เทคนิคเลือกเรียนพิเศษยังไง ให้เก่งขึ้น ฉบับ นักเรียน-ผู้ปกครองมือใหม่

สำหรับน้องๆ และผู้ปกครอง ที่กำลังจะเริ่มเรียนพิเศษ หรือมองหาที่เรียนพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น การเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ หรือเรียนพิเศษคณิตศาสตร์ เป็นต้น ให้ลูกๆ ของท่าน แล้วไม่รู้ว่าจะเลือกเรียนพิเศษที่ไหนดี เรียนพิเศษกับติวเตอร์คนไหนดี

สำหรับน้องๆ และผู้ปกครอง ที่กำลังจะเริ่มเรียนพิเศษ หรือมองหาที่เรียนพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น การเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ หรือเรียนพิเศษคณิตศาสตร์ เป็นต้น ให้ลูกๆ ของท่าน แล้วไม่รู้ว่าจะเลือกเรียนพิเศษที่ไหนดี เรียนพิเศษกับติวเตอร์คนไหนดี 

บางคนเคยเรียนแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เรียนไม่รู้เรื่อง ติวเตอร์ไม่เหมาะกับตัวเอง แม้ว่าจะเป็นติวเตอร์ชื่อเสียงและเก่ง แต่พอจะเรียนใหม่ ก็ไม่รู้ว่าจะเลือกเรียนที่ไหนดี กลัวเรียนไม่รู้เรื่อง ทำให้ต้องเสียเงิน และเวลาโดยเปล่าประโยชน์อีก

น้องๆ หรือผู้ปกครองคนไหน เจอปัญหานี้ ต้องอ่านบทความนี้ ซึ่งบทความนี้ได้รวบรวม 3 เทคนิคเลือกเรียนพิเศษยังไง ให้ได้ผลมากที่สุด เป็นการรวบรวมคำจากแนะนำประสบการณ์ตรงของน้องๆที่ประสบความสำเร็จในการเรียน และผ่านการเรียนพิเศษมาแล้ว 

1. วิเคราะห์ และประเมินตัวเองก่อนเรียน

ขั้นแรกของการเลือกเรียนพิเศษ คือเราควรจะรู้ตัวเองก่อนว่า ต้องการเรียนวิชาอะไร? เหตุผลในการเรียนคืออะไร? และในตอนนี้ระดับความรู้ของเราอยู่ในระดับไหน? โดยแบ่งวัตถุประสงค์ของการเรียนพิเศษได้ดังนี้

  • เสริมความรู้ก่อนเรียน

เป็นการเรียนพิเศษ เพื่อเตรียมพร้อมก่อนเปิดเทอม หรือก่อนที่จะเรียนวิชานั้นๆ ซึ่งแปลว่า เรายังไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นๆ ดังนั้นก็ควรที่จะเริ่มตั้งแต่ปูพื้นฐานความรู้ก่อน

  • สอบในโรงเรียน/เพิ่มความรู้ในห้องเรียน

จะแตกต่างกับรูปแบบเสริมความรู้ก่อนเรียน เพราะเรามีความรู้ในห้องเรียนมาบ้างแล้ว แต่เป็นคนเข้าใจช้า เรียนไม่ทันเพื่อน หรืออยากเสริมในจุดที่ยังไม่เก่ง การเรียนรูปแบบนี้ จะเน้นที่สรุปบทเรียนนั้นๆ และเน้นตะลุยโจทย์มากกว่า หรือทดลองทำข้อสอบเสมือนในโรงเรียน เพื่อช่วยให้เพิ่มคะแนนสอบย่อย สอบกลางภาค หรือปลายภาค และเพื่อเพิ่มเกรดของน้องๆ

  • สอบแข่งขัน,งานแข่งต่างๆ

เนื่องจากทุกสนามสอบ จะมีความยาก-ง่าย และเอกลักษณ์ของข้อสอบแตกต่างกันมาก ดังนั้นการเรียนในรูปแบบนี้ จะเป็นการเน้นปูเนื้อหาเฉพาะสำหรับสนามสอบนั้นๆ และตะลุยโจทย์ข้อสอบเฉพาะ เพื่อให้ได้คะแนนสอบที่ดี หรือผ่านการคัดเลือก ผ่านการแข่งขัน ไปเป็นตัวแทน หรือได้รับรางวัลจากการแข่งขันนั้น ซึ่งสำหรับน้องๆทั่วไปแล้ว พวกเรา fellowie อยากให้น้องๆ ทุกคน สนใจการสอบแข่งขันด้วย เพราะบางการแข่งขัน สามารถใช้ยื่นในการเข้ามหาลัยได้ โดยไม่ต้องสอบ TGAT TPAT หรือ A-Level เลยด้วย

  • สอบเข้ามหาลัย (TGAT TPAT หรือ A-Level )

นี่คือหนึ่งในจุดประสงค์ที่สำคัญสำหรับน้องๆ ม.ปลายทุกคนที่เลือกเรียนพิเศษ ซึ่งข้อสอบเข้ามหาลัยเหล่านี้จะไม่เหมือนกับข้อสอบแข่งขันอื่นๆ และแต่ละข้อสอบก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย เช่น TGAT1 จะมีเนื้อหา และลักษณะข้อสอบที่ไม่เหมือนกับ A-Level ภาษาอังกฤษ โดยลักษณะการเรียนพิเศษประเภทนี้จะขึ้นอยู่กับความรู้ของแต่ละบุคคล บางคนต้องการตะลุยโจทย์เสริมเท่านั้น เพื่อไม่ให้ตื่นกลัว และช่วยเพิ่มความมั่นใจในการสอบ หรือบางคนต้องการปูเนื้อหาในเรื่องที่ยังไม่เข้าใจ หรือบางคนต้องการที่จะทบทวนเนื้อหาที่เคยเรียนผ่านมาทั้งหมดก่อน เพื่อลับคมอาวุธก่อนการตะลุยโจทย์

  • ใช้สื่อสารในชีวิตประจำวัน

จุดประสงค์ข้อนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นวิชาสายภาษามากกว่า โดยจะไม่เน้นที่เนื้อหา หรือการทำข้อสอบ แต่จะเน้นการพูดคุย การเขียน หรือการสนทนาเป็นหลัก ซึ่งเหมาะกับกลุ่มคนทุกเดพศทุกวัย

2. เลือกรูปแบบการเรียนให้ตรงกับ lifestyle ของตัวเอง

ปัจจุบันรูปแบบของการเรียนพิเศษมีให้เลือกหลากหลายมาก ทั้ง การเรียนสด เรียนเทป หรือการเรียนออนไลน์ผ่านคอมพิวเตอร์ทั้งรูปแบบสดและเทป โดยสองปัจจัยที่เป็นเลือกว่าเราจะเรียนรูปแบบไหนคือ จุดประสงค์ของการเรียน(ในข้อ 1) และ lifestyle ของเรา เช่น ถ้าเราอยากเรียนภาษาอังกฤษเพื่อใช้สื่อสารในชีวิตประจำวัน แต่เราเลือกเรียนแบบอัดเทป จะทำให้การสร้างปฏิสัมพันธ์จริงๆ หรือการพูดคุย ใช้สื่อสารจริงๆ ก็ไม่เกิดขึ้น ดังนั้นการเลือกเรียนแบบสด ทั้งออฟไลน์ หรือออนไลน์จะเหมาะกว่า หรือหากว่าเราเป็นคนไม่ชอบเดินทาง บ้านอยู่ไกลจากที่เรียนพิเศษ การเรียนแบบออนไลน์จะเหมาะสมกว่าการเรียนที่สถาบันหรือข้างนอก เพราะไม่ต้องเสียค่าเดินทาง ประหยัดเวลาเดินทาง แถม!!ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือหมดพลังงานตั้งแต่ก่อนเรียน ซึ่งพวกเรา fellowie ได้แบ่งรูปแบบการเรียนไว้ 6 ประเภท คือ

  • การเรียนสดที่สถาบัน

เป็นการเรียนกับติวเตอร์ตัวจริงๆในห้องเรียนของสถาบันเลย ซึ่ง

ข้อดี : สภาพแวดล้อมเหมาะกับการเรียนมาก, สามารถถามติวเตอร์ได้ หากมีข้อสงสัย
ข้อเสีย : ถ้าเป็นห้องเรียนใหญ่ๆ แล้วน้องๆ ตามเพื่อนไม่ทัน ไม่เข้าใจส่วนไหน การถามคุณครูในระหว่างเรียนเลยจะเป็นเรื่องยาก, น้องๆจะต้องเดินทางไปที่สถาบัน หากเป็นเด็กที่บ้านไกล จะทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าจนเสียสมาธิในการเรียนได้
  • การเรียนคลิปผ่านคอมพิวเตอร์ที่สถาบัน

เป็นลักษณะการเรียนผ่านโทรทัศน์ หรือคอมพิวเตอร์ที่สถาบัน แต่ปัจจุบันส่วนใหญ่จะเรียนผ่า่นคอมพิวเตอร์ ซึ่ง

ข้อดี : น้องๆ เรียนเมื่อไหร่ก็ได้, ปรับความเร็ว-ช้า ย้อนคลิปรวมถึงเล่นซ้ำได้ หากไม่เข้าใจที่ติวเตอร์สอน
ข้อเสีย : จะมีอุปสรรคเรื่องของการเดินทาง เหมือนการเรียนสดที่สถาบัน และน้องๆ ไม่สามารถถามติวเตอร์ได้ หากมีข้อสงสัย
  • การเรียนกับติวเตอร์ตัวต่อตัวตามร้านกาแฟ

จะเป็นการนัดเรียนกับติวเตอร์ผ่านสถานที่ต่างๆเช่น ร้านกาแฟ คาเฟ่ หรือร้านอาหารต่างๆ โดยติวเตอร์ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ หรือเคยผ่านการสอบเหล่านั้นมาแล้ว หรือผู้ที่เป็นติวเตอร์ประจำอยู่แล้ว โดยสามารถหาได้จากติวเตอร์ที่รับงานเอง และจากนายหน้าหาติวเตอร์ ซึ่ง

ข้อดี : น้องๆ เรียนเมื่อไหร่ก็ได้ ที่ไหนก็ได้, สามารถถามติวเตอร์ได้ตลอดเวลา หากมีข้อสงสัย
ข้อเสีย : สภาพแวดล้อมในการเรียนทำให้หลุดโฟกัสในการเรียนได้, หากการตกลงนั้นทำให้ต้องเดินทาง ก็จะเกิดปัญหาคล้ายๆกับการเรียนในรูปแบบสถาบัน, ถ้าเลือกติวเตอร์ที่ไม่ตรงกับตัวเอง จะทำให้เกิดความรู้สึกไม่ชอบ และไม่อยากเรียน, การหาติวเตอร์จากนายหน้า จะถูกโกงได้ในบางครั้ง
  • การเรียนสดในรูปแบบออนไลน์

เดี๋ยวนี้หลายสถาบันจะมีการเรียนผ่านออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้สะดวกกับน้องๆ โดยการเรียนสดผ่านออนไลน์ จะเป็นการไลฟ์ผ่านโซเชียลมิเดีย หรือแพลตฟอร์มของสถาบันเอง ซึ่ง

ข้อดี : น้องๆ เรียนเมื่อไหร่ก็ได้ ที่ไหนก็ได้, สามารถถามติวเตอร์ได้ หากมีข้อสงสัย, หมดปัญหาเรื่องการเดินทาง, สามารถสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการเรียนได้เอง
ข้อเสีย : การถามติวเตอร์ หากมีข้อสงสัย หรือไม่เข้าใจในระหว่างเรียน จะเป็นเรื่องยากมากขึ้น
  • การเรียนคลิปผ่านคอมพิวเตอร์ในรูปแบบออนไลน์

จะคล้ายๆ กับการเรียนผ่านเทปที่สถาบัน แต่เปลี่ยนมาเรียนที่บ้าน ผ่านแพลตฟอร์ม หรือโซเชียลมิเดียของสถาบันเอง ซึ่ง

ข้อดี : น้องๆสามารถเรียนเมื่อไหร่ ที่ได้ก็ได้, ปรับความเร็ว-ช้า ย้อยคลิปรวมถึงเล่นซ้ำได้ หากไม่เข้าใจที่ติวเตอร์สอน, หมดปัญหาเรื่องการเดินทาง, สามารถสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการเรียนได้เอง
ข้อเสีย : น้องๆ ถามติวเตอร์ไม่ได้ หากมีข้อสงสัย
  • การเรียนกับติวเตอร์ตัวต่อตัวในรูปแบบออนไลน์

จะเป็นการนัดเรียนกับติวเตอร์ผ่านโซเชียลมิเดียต่างๆ, ติวเตอร์ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ หรือเคยผ่านการสอบเหล่านั้นมาแล้ว หรือผู้ที่เป็นติวเตอร์ประจำอยู่แล้ว โดยสามารถหาได้จากติวเตอร์ที่รับงานเอง และจากนายหน้าหาติวเตอร์ ซึ่ง

ข้อดี : เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา หมดอุปสรรคด้านการเดินทาง, เลือกติวเตอร์ได้เอง, หากมีข้อสงสัยสามารถถามติวเตอร์ได้เอง, สามารถสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการเรียนได้เอง
ข้อเสีย : ถ้าเลือกติวเตอร์ที่ไม่ตรงกับตัวเอง จะทำให้เกิดความรู้สึกไม่ชอบ และไม่อยากเรียน, การหาติวเตอร์จากนายหน้า จะถูกโกงได้ในบางครั้ง

3. เลือกติวเตอร์ให้เหมาะกับความต้องการของเรา

ข้อนี้สำคัญมากสำหรับการเลือกเรียนพิเศษออนไลน์ เพราะถ้าเลือกติวเตอร์ที่ไม่เหมาะกับเรา ก็ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ชอบ และไม่อยากเรียนได้ เป็นการเสียเงิน และเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งสิ่งที่ต้องคำนึงถึง คือ

  1. ข้อมูลติวเตอร์ ทั้งประวัติและประวัติการศึกษาของติวเตอร์ เพื่อดูว่า ติวเตอร์จบจากที่ไหนมา หรือกำลังศึกษาอยู่ที่ไหน มีความเชี่ยวชาญในวิชาที่เราต้องการเรียนแค่ไหน
  2. ผลงานของติวเตอร์ ไม่จำเป็นต้องเป็นประสบการณ์การสอนที่ผ่านมาเท่านั้น จะนับรวมถึง คะแนน หรือรางวัลที่ได้มาจากวิชาที่เราต้องการเรียนด้วยก็ได้
  3. ลักษณะนิสัย ข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญมาก เช่น หากเราเป็นคนเข้าใจยาก แต่ติวเตอร์เป็นคนสอนเร็ว ก็ทำให้เราเรียนไม่เข้าใจอยู่ดี เสียทั้งเงินทั้งเวลา โดยเปล่าประโยชน์


นี่คือ 3 เทคนิค ที่พวกเรา fellowie รวบรวมมาให้ เพื่อเป็นตัวช่วยในการเลือกเรียนพิเศษให้กับทุกคน และยังมีอีกหนึ่งตัวช่วยในการหาติวเตอร์เรียนพิเศษที่จะมาแนะนำให้ทุกคน นั่นคือแอป fellowie แอปเรียนพิเศษออนไลน์แบบตัวต่อตัว

✅ใช้งานง่าย 
เพียงแค่ 3 ขั้นตอน ดาวน์โหลด >>> ลงชื่อใช้งาน >>> เลือกติวเตอร์ได้เลย
✅ตอบโจทย์ทุกเป้าหมายและความฝัน
อยากเรียนเพื่อเพิ่มความรู้, เตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย หรือการสอบแข่งขันต่างๆ 
✅ดาวน์โหลด และลงชื่อใช้งาน ฟรี!!
✅รู้จักติวเตอร์ตั้งแต่ก่อนเริ่มเรียน
มีประวัติ, ผลงาน, ประสบการณ์การสอน, การแนะนำตัว, รูปภาพ และวิดีโอแนะนำตัว ให้ได้รู้จักติวเตอร์ประกอบการตัดสินใจ
✅ติวเตอร์ทุกคนผ่านการยืนยันตัวตน
เพื่อเป็นการตรวจสอบว่า ติวเตอร์มีตัวตนจริงๆ และข้อมูลใน fellowie เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง
✅ราคาที่เป็นกลาง และยุติธรรม
ค่าเรียนค่าสอน เป็นราคาที่ผ่านการสำรวจจากตลาดติวเตอร์ออนไลน์ทั้งหมด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้เรียน และติวเตอร์เอง
fellowie แอปเรียนพิเศษออนไลน์ตัวต่อตัวกับติวเตอร์ที่เหมาะกับคุณ